ประวัติกีฬาแบดมินตันในประเทศไทย
เจียมศักดิ์ พานิชชัชกุลได้รวบรวมกีฬาแบดมินตันไว้ว่า กีฬาแบดมินตันเริ่มเล่นในประเทศไทยราวปี พ.ศ.2456 โดยพระยานิพัตน์กุลพงษ์เป็นคนไทยคนแรกที่สร้างสนามแบดมินตันให้ลูกหลานเล่นออกกำลังกายในยามว่าง ที่บริเวณคลองสมเด็จเจ้าพระยา จังหวัดธนบุรี ต่อมาหลวงชลาไลยกล เห็นว่าแบดมินตันเป็นกีฬาที่ดี สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อย หาที่ตั้งสนามไม่ยาก นอกจากเป็นที่ออกกำลังกายที่ดีแล้ว ยังเป็นที่พบปะสังสรรค์ของญาติมิตร ก่อให้เกิดความสามัคคี เหมาะสมกับคนไทย จึงสร้างสนามแบดมินตันขึ้นอีกที่บ้าน ตำบลสมเด็จพระยา จังหวัดธนบุรี มีการเล่นกันเป็นประจำ จนเป็นที่เล่าลือว่าการเล่นแบดมินตันที่บ้านนี้มีผู้เล่นที่เก่งมาก ต่อมาได้มีการสร้างสนามขึ้นอีกหลายแห่ง มีทั่วไปในจังหวัดธนบุรี จังหวัดพระนคร และต่างจังหวัด ได้มีการเชิญให้ไปประลองฝีมือกันอยู่เสมอ ซึ่งในตอนแรกๆ การเล่นแบดมินตันในประเทศไทยนิยมเล่นกันข้างละ 3 คน และยังตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้แต่นิยมและในคนสูงอายุ และมีการจัดการแข่งขันเป็นประจำทุกปีอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2462 ทางสโมสรกลาโหมได้เปิดการแข่งขันแบดมินตันทั่วไปครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีกีฬาแบดมินตันแพร่หลายยิ่งขึ้น มีการแข่งขันประเภทเดี่ยว ประเภทคู่ และประเภท 3 คน นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานว่ากีฬาแบดมินตันเป็นที่นิยมเล่นในราชสำนักของไทย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็โปรดกีฬาแบดมินตันถึงกับมีพระราชกระแสรับสั่งให้เล่นถวายทอดพระเนตร ซึ่งสนามแบดมินตันสมัยนั้นเป็นสนามกลางแจ้ง เวลามีลมพัดหรือฝนตกแรงๆ ก็จะเล่นไม่ได้ นอกจากนี้ยังส่งนักกีฬาแบดมินตันฝีมือดี เดินทางออกไปแข่งขันกับประเทศใกล้เคียงอยู่บ่อยๆ
ในปี พ.ศ. 2493 หลวงธรรมนูญวุฒิกร ได้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยร่วมกับ ณัติ นิยมวาณิช ยง อุทิศกุล ฯลฯ พร้อมกับเชิญพระยาจินดารักษ์ ขึ้นเป็นนายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยเป็นคนแรก และนั้นคือจุดเริ่มต้นของกีฬาแบดมินตันของประเทศไทย ที่จะเข้าไปสู่วงการกีฬาแบดมินตันของโลกเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2493 ได้มีการเชิญนักกีฬา แบดมินตัน เช่น ว่อง เป่ง สุน และตันโจฮอค เข้ามาสาธิตการเล่นแบดมินตันด้วย
ในปี พ.ศ. 2494 ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติและสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันโธมัคคัพที่ประเทศอินเดียปรากฏว่า ทีมไทยแพ้อินเดีย ด้วยคะแนน 9-0
ชาวไทยนิยมเล่นกีฬาแบดมินตันกันมาก แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก็ทรงกีฬาแบดมินตันด้วยพระองค์เองเป็นประจำ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของวงการกีฬาแบดมินตันไทย และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ได้ประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ส่งนักกีฬาแบดมินตันไทยไปแข่งขัน ออลอิงแลนด์ เป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2501 และทรงนำนักกีฬาแบดมินตันไทยไปแข่งขันที่ยุโรปอีกครั้งหนึ่งส่วนพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า สุทธิสิริโสภานั้น นอกจากส่งสนับสนุนนักกีฬาแบดมินตันด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์แล้ว ยังทรง นำเสด็จทีมนักกีฬาแบดมินตันไทยไปแข่งขันในยุโรปและเอเชียหลายครั้ง ทรงก่อตั้งสมาคมแบดมินตันแร็กเกตมิวเซียมในปี พ.ศ. 2510
จะเห็นได้ว่า กีฬาแบดมินตันได้แพร่หลายและเป็นที่นิยมในประเทศไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสามารถผลิตอุปกรณ์การเล่น เช่น ไม้แร็กเกต ลูกขนไก่ ตาข่าย จนสามารถเป็นสิ้นค้าส่งออกไปขายยังประเทศใกล้เคียงได้อีกด้วย
ประวัติกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย
กีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย
กีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทยนั้นไม่มีลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า ได้แพร่หลายเข้ามาในปีใดหรือสมัยใด แต่พอจะอนุมานได้ว่าการเล่นวอลเลย์บอลได้มีขึ้นในประเทศไทยมากกว่า 60 ปี โดยมากเล่นเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อตั้งกรมพลศึกษาขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2476 กรมพลศึกษาเห็นว่าวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่นักเรียนทั้งหญิงและชายสามารถเล่นได้ จึงได้จัดให้สอนวิชานี้ขึ้นในสถาบันพลศึกษา
ในปี พ.ศ. 2477 กรมพลศึกษาได้จัดพิมพ์กติกาวอลเลย์บอลขึ้น โดยอาจารย์นพคุณ พงษ์สุวรรณ เป็นผู้แปล ท่านเป็นผู้ที่มีความชำนาญมากจึงได้รับการเชิญให้เป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับเทคนิควิธีเล่น ตลอดจนกติตาการแข่งขันให้ครูพลศึกษาทั่วประเทศประมาณ 100 คน ในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้จัดการอบรมขึ้น และในปีนี้เองกรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปีและบรรจุวอลเลย์บอลหญิงไว้ในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก ซึ่งในสมัยของ น.อ. หลวงสุภชลาศัย ร.น. ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา แต่การแข่งขันไม่ใคร่เป็นที่นิยมนัก ทั้งนี้เพราะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล เล่นกันไปตามเรื่องตามราวเพียงมิให้ผิดกติกา ส่วนที่จะให้มีฝีมือนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่มีผู้ชำนาญการโดยเฉพาะมาฝึกสอนให้ จึงทำให้การเล่นวอลเลย์บอลเสื่อมความนิยมไป แต่ยังคงมีการแข่งขันอยู่เรื่อยๆ ทั้งทีปริมาณไม่เพิ่มขึ้นและคุณภาพก็ยังไม่ดีพอ
ต่อมาได้ทราบกันว่า วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์นิยมเล่นกันมาก และมีฝีมืออยู่ในขั้นมาตรฐาน มีเทคนิคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความตื่นเต้นไม่เป็นที่น่าเบื่อหน่าย บรรดาผู้ฝึกสอนซึ่งความจริงหาใช่ผู้ชำนาญการโดยเฉพาะไม่ หากแต่สนใจและพยายามเรียนรู้การเคลื่อนไหวจากต่างประเทศ นำมาถ่ายทอดไปยังผู้เล่น ทำให้เกิดความสนใจในการเล่นวอลเลย์บอลกันขึ้นอีกระยะหนึ่งและเจริญมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้ว่าจะดีไม่ถึงขนาดแต่ก็มีผู้เล่นวอลเลย์บอลที่เข้าใจกติกาและการเล่นที่ถูกต้องตามเทคนิค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น